body { -webkit-filter: grayscale(100%); -moz-filter: grayscale(100%); -ms-filter: grayscale(100%); -o-filter: grayscale(100%); filter: gray; filter: grayscale(100%); }

ในยุคสมัยนี้สมาร์ทโฟน ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการแชท เล่นเกม จองตั๋วหนัง ตั๋วคอนเสิร์ต เช็ดสภาพอาการ เช็คเส้นทางจราจร หรือแม้กระทั้งจองตั๋วเครื่องบิน รวมไปถึงการซื้อขายออนไลน์ ทุกอย่างก็ทำได้เพียงปลายนิ้ว โดยมีแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งหากเราใช้งานสมาร์ทโฟนมาก ใช้งานแอพพลิเคชั่นหนักๆเช่น เล่นเกม คุยวีดีโอ ต่างๆ ก็อาจจะทำให้แบตเตอร์รี่หมดไวกว่าปกติ ดังนั้น พาวเวอร์แบงค์ หรือ แบตเตอร์รี่สำรอง จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนควรจำเป็นต้องมีไว้ติดตัว เพื่อให้ใช้งานมือถือได้ตลอดทั้งวัน เราจะมาดูเคล็ดลับการเลือกซื้อ แบตเตอร์รี่สำรอง ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

1.ควรเลือกแบตเตอร์รี่ชนิด ลิเทียมโพลิเมอร์ (Lithium Polymer)

แบตเตอร์รี่ชนิดนี้ จะคลายประจุออกมาทีละน้อยๆ เก็บประจุได้นาน 1 ปี ไม่เสี่ยงต่อการระเบิด มีน้ำหนักเบาพกพาสะดวก มีอัตราการเสื่อมที่ช้า กว่าแบตเตอร์รี่อีกแบบ นั่นคือแบบ ลีเธียมไอออน (Lithium Ion)

จะเป็นแบตเตอร์รี่ที่คลายประจุเร็ว หลังจากชาร์ตเต็มแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์ก็จะคลายประจุจนหมด จึงทำให้มีอัตราการเสื่อมของแบตเตอร์รี่ที่ไวกว่าชนิดแรก รวมถึงน้ำหนักที่หนักกว่า

รูปแบตเตอร์รี่ทั้ง 2 ชนิด
lithium

2.ความจุ

– ควรเลือกที่มีความจุ 2-3 เท่าของแบตเตอร์รี่สมาร์ทโฟนของเรา โดยปกติสมาร์ทโฟน จะมีความจุอยุ่ที่ 1500-3000 mAh (อ่านว่า มิลลิแอมป์อาวเออร์) วิธีการคำนวณง่ายๆในการคำนวณว่าสามารถชาร์ทไฟได้กี่รอบนั้น ให้เราเอาคำความจุของแบตเตอร์รี่สมาร์ทโฟนหารกับความจุของแบตเตอร์รี่สำรอง เช่น สมาร์ทโฟนจุแบตเตอร์รี่ 2000 mAh แบตเตอร์รี่สำรองของเรา 6000 mAh เราก็จะสามารถชาร์ทแบตเตอร์รี่ได้ประมาณ 3 ครั้ง (เป็นการคำนวณแบบคร่าวซึ่งอาจจะไม่ตรงตามทฤษฎี) เป็นต้น

3.ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองมาตรฐาน

กล่าวคือ ควรเลือก แบตเตอร์รี่สำรองที่ผ่านการรับรองจาก มอก.(มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เพราะมีความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่มากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน วิธีสังเกตง่ายๆของผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน จะมีเครื่องหมาย มอก. รวมถึงราคาที่ไม่ถูกจนเกินไป จนน่าใจหาย

4.การรับไฟเข้าออก (อัตรา input / output ในการชาร์จไฟ)

ควรเลือกที่ มี input DC 5V / 2.1 A หมายถึง การชาร์จไฟเข้าแบตเตอร์รี่สำรอง จะเข้าทีละ 2.1 A (แอมป์)ถึง สามารถชาร์จแบตเตอร์รี่สำรองโดยใช้เวลาไม่นาน หากผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ที่ มีค่า 1.0 A จะชาร์จไฟได้ช้าลงตามลำดับ
ส่วน OUTPUT ควรเลือกที่ DC 5V / 2.1 A เหมือนกับ INPUT โดยหลังการเมื่อเราชาร์จเข้าสมาร์ทโฟนของเรา ก็จะใช้เวลาไม่นานเช่นกัน

5.การรับประกัน

ควรเลือก แบตเตอร์รี่สำรองที่รับประกัน ขั้นต่ำ 6 เดือน ถึง 1 ปี เพราะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาจจะมีค่าความเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติหากเราใช้งานเกินขีดจำกัดของตัวอุปกรณ์

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นหลักการง่ายๆในการประกอบการตัดสินใจในการเลือกแบตเตอร์รี่สำรองเท่านั้น ยังคงมีอีกหลายองค์ประกอบในการเลือกแบตเตอรี่สำรองไว้สำหรับการใช้งาน

 

เครดิตรูป : https://www.cdiscount.co.th , https://www.iphonemod.net

-------------------------------------------------

Technicing ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจเพิ่มยอดขายออนไลน์ รับทำเว็บไซต์ ทำการตลาดออนไลน์
รับดูแลโฆษณาใน Google และ Facebook

แฟนเพจ https://www.facebook.com/technicing/
โทร : 082-450-6779

Comments

comments

Loading...
?>